วันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2554

วิชา PS 715 รัฐ อำนาจ และนโยบายสาธารณะ


วิชา  PS  715
รัฐ  อำนาจ  และนโยบายสาธารณะ

ก่อนสอบ6ชั่วโมง

เป็นตาอ่าน........แต่บ่อ......เป็นตาฮัก 

เป็นตาเบิ่ง........แต่คือสิอ่านบ่อทัน......... 

คาร์ล มาร์กซ์ (Karl Marx) เป็นชาวเยอรมันเชื้อสายยิว สำเร็จการศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยจีน่า มาร์กซ์ วิพากษ์วิจารย์ระบบทุนนิยมว่า เป็นระบบที่กดขี่ขูดรีดชนชั้นผู้ใช้แรงงาน เป็นระบบที่ลดคุณค่าความเป็นมนุษย์ ในหนังสือ Capital มาร์กซ์ วิเคราะห์ระบบทุนนิยมโดยละเอียดว่ามีลักษณะสำคัญ 3 ประการคือ

(1) เป็นการผลิตเพื่อการซื้อขายแลกเปลี่ยน เป็นการผลิตเพื่อตลาดมิใช่ผลิตเพื่อใช้เอง
(2) มีการผูกขาดปัจจัยการผลิตอยู่ในมือชนชั้นนายทุนซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อย
(3) พลังแรงงานเป็นสินค้าชนิดหนึ่ง
ภาย ใต้ความสัมพันธ์ในการผลิตในระบบทุนนิยม มาร์กซ์ อธิบายว่า มีการขูดรีดมูลค่าส่วนเกิน (Surplus Value) โดยชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างมูลค่าของสินค้าที่แรงงานผลิตให้กับ มูลค่าหรือค่าจ้างของแรงงาน ความแตกต่างนี้ คือ มูลค่าส่วนเกินที่ควรเป็นของแรงงานแต่นายทุนรวบเอาไว้เป็นของตัว เงินถูกเปลี่ยนเป็นทุน ถูกใช้เพื่อสร้างมูลค่าส่วนเกินให้นายทุน ด้วยทฤษฎีมูลค่า ส่วนเกินมาร์กซ์ ชี้ให้เห็นว่า ระบบทุนนิยมแท้จริงแล้วเป็นเพียงทายาทของระบบทาสและระบบศักดินาเพราะ มีการขูดรีดแรงงานเช่นเดี่ยวกับระบบทั้งสองก่อนหน้า เพียงแต่ว่าการขูดรีดอาจซ่อยเร้นกว่าและอยู่ในรูปแบบที่ต่างไปเท่านั้น
มาร์กซ์ เสนอว่า การใช้กำลังเพื่อปฏิวัติเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สังคมอุดมคติขิงเขาคือสังคมที่มนุษย์ทุกคนช่วยเหลือกัน ต่างมีส่วนในกิจการของชุมชน เป็นสังคมที่ปราศจากการขูดรีด ปราศจากชนชั้นและปราศจากการบังคับเผด็จการ และในท้ายที่สุดแล้วจะเป็นสังคมที่มีแต่การบริหารไม่มีการปกครอง
ความคิดของ มาร์กซ์ ถูกนำไปใช้โดยมีการขยายความต่อเติม โดยเลนิน เพื่อประยุกต์ใช้กับประเทศรัศเซียซึ่งขณะนั้นเป็นประเทศด้อยพัฒนา ในปี ค.ศ.1917 การปฏิวัติโดยใช้ลัทธิมาร์กซิสต์ – เลนินนิสม์ ก็ประสบความสำเร็จ ต่อมาในปี ค.ศ. 1949 เหมาเจ๋อตง นำลัทธิมาร์กซิสต์ไปทำการปฏิวัติในประเทศจีนเป็นผลสำเร็จ และในเวลาต่อๆ มาก็เกิดการปฏิวัติโดยใช้ลัทธิมาร์กซิสต์ในอีกหลายประเทศ เช่น คิวบา ประเทศในแถบยุโรปตะวันออก เกาหลีเหนือ เวียดนามเหนือ เป็นต้น

การเมืองภาคประชาชน
คือ การเคลื่อนไหวของประชาชนเพื่อกำหนดนโยบายสาธารณะโดยตรง โดยไม่ผ่านทางตัวแทนของพรรคการเมือง หรือหน่วยงานราชการ การเมืองภาคประชาชนเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งย้ำแนวคิดที่ว่า "การเมืองไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง" การเมืองภาคประชาชนเป็นคำจำกัดความโดย นิธิ เอียวศรีวงศ์
วิกิพีเดีย
ที่มาอ่านดูเวบนี้ครับ รายละเอียดมากมามาย
http://www.midnightuniv.org/midschool2000/newpage2.htm

ภาคประชาสังคม
ที่มาของบัตรทอง  เกิดจากการรวมตัวกัน  ของภาคประชาสังคม  ต้องการให้รัฐมีความรับผิดชอบต่อประชาชนคนไทย โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ ด้านการรักษาสุขภาพ
เราถือว่าเป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องดูแลคนไทย  ดังนั้น จึงมีการทำวิจัย  ค้นคว้าข้อมูล  และร่วมกันผลักดันไห้เกิดเป็นนโยบายแห่งชาติ  ทำอยู่ประมาณ 3 ปี ก็มีท่านนายกผู้หนึ่ง ยอมรับร่างของภาคประชาสังคม  และได้แปลงร่างนี้ไห้เป็นนโยบาย  30 บาท รักษาทุกโรค ในเวลาต่อมา  และในปัจจุบัน เรียกว่าบัตรทองเฉยๆ เพราะไม่ต้องจ่ายเงิน แม้แต่บาทเดียวค่ะ 

"ระบบการเมืองภาคพลเมือง" ที่พลเมืองเข้มแข็ง รู้สิทธิ์และหน้าที่แห่งตนอย่างเต็มที่

- มีอำนาจคานเสมอกับอำนาจรัฐ
- ตรวจสอบและเอาผิดต่อกลไกรัฐได้อย่างเต็มที่หากกลไกนั่นมิได้เป็นไปเพื่อประโยชน์แห่งชนส่วนใหญ่
- มีกฎหมายรองรับ 



โดย

ดร.ชาตรี  ดิเรกศรี

อาจารย์ผู้บรรยาย  ณ  ศูนย์การเรียนรู้จังหวัดอุบลราชธานี
                                           ประจำภาคการศึกษาที่  2/2554
กำหนดการบรรยาย
   สัปดาห์ที่  1  วันที่  10 – 11  ธันวาคม  2554

   สัปดาห์ที่  2  วันที่  17 – 18  ธันวาคม  2554

   สัปดาห์ที่  3  วันที่  24 – 25  ธันวาคม  2554 (วิทยากรชุมชน)

   สัปดาห์ที่  4  วันที่  7 – 8 มกราคม  2555

 
วัตถุประสงค์ของการเรียนวิชานี้

1.  เพื่อให้ทราบและเข้าใจความหมาย และองค์ประกอบที่สำคัญของอุดมการณ์ทางการเมืองร่วมสมัย

2.  เพื่อให้เห็นและเข้าใจแนวคิดเกี่ยวกับการก่อตั้ง  และพัฒนาการของรัฐ  พลังอำนาจในสังคม

3.  เพื่อให้ทราบและเข้าใจผลกระทบต่อกระบวนการนโยบายสาธารณะ

หัวข้อในการบรรยาย

1.  อุดมการณ์ทางการเมืองร่วมสมัย (หัวข้อเสริม)

2.  แนวคิดเกี่ยวกับรัฐ

3.  รัฐทุนนิยม

4.  รัฐและนโยบาย  ตัวแบบรัฐ

5.  กลไก  กระบวนการนโยบาย

6.  รัฐในยุคโลกาภิวัตน์ (หัวข้อเสริม)

เกณฑ์การวัดผลการศึกษาวิชา PS 715

1.  คะแนนการมีส่วนร่วมในชั้นเรียน    10  คะแนน

2.  คะแนนการทำงานการศึกษาเป็นกลุ่ม  20  คะแนน

3.  คะแนนการทดสอบความรู้ความเข้าใจ  30  คะแนน

     จำนวน  1  ครั้ง

4.  คะแนนสอบไล่  40  คะแนน

    รวม      100  คะแนน 

การศึกษาค้นคว้าทำรายงานกลุ่ม : 20 คะแนน

-  ใช้แบ่งนักศึกษาออกเป็น 4  กลุ่ม เพื่อทำการศึกษาค้นคว้าทำรายงานในเชิงวิชาการตามหัวข้อดังนี้

    กลุ่มที่  1  รัฐ  อำนาจ  และนโยบายสาธารณะสมัยกรุงสุโขทัย

    กลุ่มที่  2  รัฐ  อำนาจ  และนโยบายสาธารณะสมัยกรุงศรีอยุธยา

    กลุ่มที่  3  รัฐ  อำนาจ  และนโยบายสาธารณะสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ก่อนเปลี่ยนแปลงการ

                               ปกครอง  2475

    กลุ่มที่  4  รัฐ  อำนาจ  และนโยบายสาธารณะสมัยกรุงรัตนโกสินทร์หลังเปลี่ยนแปลงการ

                               ปกครอง 2475 – ปัจจุบัน

-  ให้นักศึกษาทำการศึกษาและวิเคราะห์ตามหัวข้อที่ได้รับมอบหมาย  ทำเป็นรายงานการศึกษาความ

    ยาวประมาณ  10 – 15  หน้า

-  ให้นักศึกษานำเสนอผลการศึกษาในรูป  Power  Point  กลุ่มละประมาณ  20  นาที


วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ผลการเรียน

ยินดีด้วยครับ ผ่านกันทุกคน (ที่มาเรียน) วิชา LD711 ครับพี่น้อง

วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

วิชา LD713 ยุทธศาสตร์การพัฒนา

 สำหรับวันนี้ 27 พ.ย. 54    13.00 เป็นต้นไป
เดิมไทยใช้ Modernization theory ชัดเจน สมัย อ.ปรีดี  ต่อมา 2504 เริ่มใช้ dependency or dependencia  theory และล้มเหลว จึงต้องหาทางเลือก เบื้องต้นแบบเบสิคตอบง่าย ตาม 1)
1) ยุทธศาสตร์ทางเลือก

                   ยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ยังยืน การพัฒนาที่ยังยืน (sustainable development) หมายถึง การพัฒนาที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของคนรุ่นปัจจุบัน แต่ต้องไม่ไปทำลายความสามารถของคนรุ่นหลังที่จะสนองต่อความต้องการของ

 คนรุ่นเขา (development that meets the need of the present without compromising the ability of future  generations to meet their own needs)

                   กล่าวคือเป็นการพัฒนาในปัจจุบันที่มีประโยชน์ต่อทั้งคนรุ่นปัจจุบันและรุ่นหลัง เนื่องจากทำให้เกิดการพัฒนาไปตลอดอย่างสม่ำเสมอและไม่กินทุนหรือผลักภาระไปยังลูกหลาน

                   การพัฒนายั่งยืนมีมุมมอง  3  ด้าน

เป้าหมายทางเศรษฐกิจ    คือ  ความอยู่รอดทางเศรษฐกิจ (economic viability)

เป้าหมายทางสังคม       คือ  ความเป็นธรรมทางสังคม   (social equity)

เป้าหมายทางภาวะนิเวศ  คือ การปกคลุมไปด้วยภาวะนิเวศหรือสภาพแวดล้อมที่ดี

(environmental strewardship)



3.1) ความอยู่รอดทางเศรษฐกิจ

                             การเพิ่มมาตรฐานการครองชีพ มีมาตรฐานการครองชีพที่เข้มแข็ง  มีความสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้ ตลอดจนกระทั่งอยู่ได้แม้มีการแข่งขันระดับท้องถิ่นหรือระดับโลก

3.2) ความเป็นธรรมทางสังคม
          การกระตุ้นให้คนได้พัฒนา เป็นประโยชน์ต่อสังคม การให้การศึกษา การฝึกอบรม

เพื่อเตรียมตัวทั้งในปัจจุบันและในอนาคต

                   3.3) การปกคลุมไปด้วยภาวะนิเวศหรือสภาพแวดล้อมที่ดี

                             การกระทำในปัจจุบันหรือในอนาคตจะต้องไม่ทำลายทรัพยากรเสื่อมเสีย การใช้ประโยชน์ในการผลิตหรือการดึงดูดความสนใจได้น้อยลง

แต่ต้องมีจุดเน้นทังสามด้านแบบสมดุล growth and development/distribution/sastainibility


 2) การสร้างความรู้สึกชาตินิยมเพื่อให้เกิดความภาคภูมิใจมีความสำคัญต่อยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศหรือไม่อย่างไร
ที่มาhttp://www.midnightuniv.org
าวทศวรรษ 2490 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ปัญญาชนในท้องถิ่นต่าง ๆ เริ่มแสดงให้เห็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม คุณค่า และความสำคัญของท้องถิ่นต่าง ๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วมองท้องถิ่นในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของ “ชาติไทย” ต้องการแสดงให้เห็นว่าท้องถิ่นมีส่วนทำให้ชาติไทยเป็นชาติที่เจริญมี อารยธรรม อุดมการณ์ชาตินิยมที่มีอิทธิพลในท้องถิ่นที่ได้ถูกผนวกเข้ากับอุดมการณ์ท้อง ถิ่นนิยมเช่นนี้เป็นกระแสความคิดที่มีพลังมาก  โดยในระยะหลังจะเป็นการผสมผสานระหว่างอุดมการณ์ท้องถิ่นนิยมกับอุดมการณ์ ราชาชาตินิยม ทำให้เกิดการเขียนประวัติศาสตร์ การสร้างอนุสาวรีย์ การแสดงแสง-สี-เสียง พิธีกรรม บทเพลง ฯลฯ ที่เชื่อมโยงท้องถิ่นเข้ากับพระมหากษัตริย์แห่งชาติ ปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นในท้องถิ่นต่าง ๆ ทั่วประเทศ[76]  

แม้ว่าจะมีความพยายามของคนบางส่วนที่จะสร้างความทรงจำเกี่ยวกับท้องถิ่น ของตนในแง่ที่เน้นว่าท้องถิ่นมีอดีต ปัจจุบัน และอนาคตเป็นของตนเอง หรือในบางกรณีก็ถึงกับสร้างความทรงจำว่า “ชาติไทย” เป็นศัตรูสำคัญของท้องถิ่น เช่น กรณีการเขียนประวัติศาสตร์ปัตตานีของปัญญาชนมลายูมุสลิม เพื่อเป็นฐานทางอุดมการณ์สำหรับการต่อสู้ทางการเมือง[77] แต่กระแสท้องถิ่นนิยมและชาตินิยมแบบที่ไม่ให้ความสำคัญต่อชาติไทย หรือต่อต้านชาติไทย ดังกล่าวนี้ก็มีอิทธิพลในขอบเขตจำกัด ต่างจากชาตินิยมกระแสหลักที่ได้รับการผลิตซ้ำอยู่เสมอ

เท่าที่กล่าวมานี้จะเห็นได้ว่ามีชาตินิยมหลากหลายแบบซึ่งได้รับการเสนอ ขึ้นมาในสังคมไทย ชาตินิยมแต่ละแบบมีทั้งจุดร่วมและจุดต่างกับชาตินิยมแบบอื่น ๆ สิ่งที่น่าจะช่วยกันคิดต่อไปก็คือ ในบริบทสังคมไทยปัจจุบัน ชาตินิยมยังมีความจำเป็นหรือไม่ เพียงใด และควรเป็นชาตินิยมแบบใด

 คำถามที่อาจช่วยในการคิดเกี่ยวกับชาตินิยมไม่มากก็น้อย ที่ใคร่จะขอเสนอไว้เป็นตัวอย่างในที่นี้ มีดังนี้

1. ชาติยังสำคัญหรือไม่ เพียงใด สำหรับการต้านทานทุนนิยม-เสรีนิยมใหม่ในยุคโลกาภิวัตน์ที่ทุนและตลาดไร้พรมแดน

2. สืบเนื่องจากคำถามข้อ 1 การ “รื้อสร้าง” ความคิดชาตินิยม ตลอดจนความคิดท้องถิ่นนิยม และความคิดชุมชนนิยม  ทำให้เห็นว่า “ชาติ” “ท้องถิ่น” “ชุมชน” ล้วนเป็นมายา เพราะเป็นเรื่องของการนิยามความหมาย ปราศจากตัวตนอันควรยึดถือ  ดังที่วงวิชาการทำกันใน 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมานี้ มีผลเสียที่ต้องคำนึงถึงหรือไม่ เพียงใด  เช่น เป็นการเปิดพื้นที่โล่งให้แก่ทุนนิยม-เสรีนิยมใหม่ยุคโลกาภิวัตน์ที่จะเข้า มาลงทุนและขยายตลาดอย่างเสรี ใช่หรือไม่ จำเป็นหรือไม่เพียงใดที่จะต้องเร่งสร้างความหมายใหม่แก่ “ชาติ” (และความหมายของ “ท้องถิ่น” และ “ชุมชน”) ที่จะทำให้เกิดพลังทางสังคมที่เข้มแข็งเพียงพอสำหรับเป็นฐานทางอุดมการณ์ให้ แก่การปกป้องทรัพยากรและวิถีชีวิตของคนไทยในท้องถิ่นต่าง ๆ  รวมทั้งการจัดความสัมพันธ์เชิงอำนาจในระบอบประชาธิปไตยที่จะนำไปสู่ความ เสมอภาคและความเป็นธรรมในสังคม (แทนที่จะ “รื้อ” โดยไม่มีการ “สร้าง”)

3. ในกรณีเขาพระวิหาร  หากมองเขาพระวิหารเป็นสินค้าวัฒนธรรม ปัจจุบันเขมรพยายามถือครองในนามของชาติเขมร แต่นายทุนไทยก็อาจเข้าไปเป็นหุ้นส่วนของชาติเขมรและนายทุนเขมร ในการขายสินค้าเขาพระวิหารได้ในอนาคต นายทุนจึงไม่ต้องการสงคราม แต่ทหารอาจคิดต่างออกไป เพราะเมื่อพรมแดนไม่สำคัญแล้ว ทหารจะสูญเสียความชอบธรรมในการใช้งบประมาณมหาศาลเพื่อซื้ออาวุธ มองในแง่นี้ชาตินิยมเป็นผลเสียต่อนายทุนแต่เป็นประโยชน์ต่อกองทัพ นอกจากนี้ชาตินิยมยังเป็นผลเสียต่อประชาชนทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาที่ขาย สินค้าหรือขายแรงงานข้ามพรมแดนอีกด้วย เมื่อปัญหาเขาพระวิหารและชาตินิยมมีความซับซ้อนเช่นนี้ จะเป็นไปได้หรือไม่ เพียงใด อย่างไร ที่จะสร้างอุดมการณ์ชาตินิยมที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันขึ้นมา

4. ถ้าประเทศทั้งหลายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมตัวกันเป็น  กลายเป็นประเทศใหญ่แบบสหรัฐ หรือ “The United States of Southeast Asia” ที่มีคนหลากหลายชาติพันธุ์และวัฒนธรรม  และมีความเป็นประชาธิปไตยที่แต่ละรัฐมีอำนาจปกครองและจัดการทรัพยากรของตน ในระดับสูง ในขณะที่มีรัฐบาลกลางและรัฐสภากลางที่เข้มแข็งพอที่จะกำหนดนโยบายร่วมและมี อำนาจต่อรองกับชาติอื่นรวมทั้งกับทุนข้ามชาติมากกว่ารัฐเดี่ยว จะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในยุคโลกาภิวัตน์หรือไม่  และเป็นไปได้หรือไม่ หากเป็นไปไม่ได้ การทำให้อาเซียนมีเอกภาพมากขึ้นและเข้มแข็งมากขึ้นน่าจะเป็นทางออกที่เป็นไป ได้มากกว่าใช่หรือไม่

อย่างน้อยที่สุด นักวิชาการอาเซียนก็น่าจะสามารถร่วมมือกันในการชำระประวัติศาสตร์ เพื่อสร้างความทรงจำร่วมเกี่ยวกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งเพื่อเข้าใจเงื่อนไขความขัดแย้งระหว่างกันในอดีตที่เปลี่ยนแปลงไปตาม บริบททางประวัติศาสตร์ และเพื่อเข้าใจความสัมพันธ์กันในทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมที่มีต่อกันอย่างยาวนาน และจะมีชะตากรรมร่วมกันสืบไปในอนาคตข้างหน้า เป็นการสร้างฐานทางอุดมการณ์ที่จำเป็น ทั้งสำหรับการจัดความสัมพันธ์เชิงอำนาจอย่างเสมอภาคภายในอาเซียนเอง การจัดความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างอาเซียนกับชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและ การเมืองในระบบโลก และการจัดความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างอาเซียนกับทุนโลกาภิวัตน์

ไม่ว่าจะเห็นด้วยกับชาตินิยมแบบใด ต้องการชาตินิยมหรือไม่ และอยากให้เกิดอุดมการณ์ “อาเซียนนิยม” หรือไม่ สิ่งที่จำเป็นต้องคำนึงถึงก็คือ “ความเป็นมนุษย์” ของเราและของมนุษยชาติทั้งมวล ซึ่งข้อความข้างล่างนี้อาจช่วยให้เราคิดเรื่องชาตินิยมอย่างรอบคอบและรอบ ด้านยิ่งขึ้น
…โดยนัยหนึ่งแล้ว การเชื้อเชิญให้ (เรา) คิดถึงตัวเราในฐานะที่เป็นพลเมืองโลก เป็นการเชื้อเชิญให้เราหลีกลี้ห่างจากความสบายของความรักชาติและอารมณ์แบบ ง่าย ๆ เพื่อที่จะได้มองวิถีดำเนินชีวิตของเราจากมุมมองของความยุติธรรมและความดี ความบังเอิญของสถานที่ที่คน ๆ หนึ่งเกิดนั้น เป็นเพียงแค่เรื่องของความบังเอิญ กล่าวคือมนุษย์คนหนึ่งอาจเกิดในประเทศชาติใด ๆ ก็ได้ เมื่อตระหนักได้เช่นนี้แล้ว…เราจึงไม่ควรยินยอมให้เรื่องของความแตกต่างของ สัญชาติ หรือชนชั้น หรือชาติพันธุ์ หรือกระทั่งเพศ มาสร้างสิ่งกีดขวางระหว่างตัวเรากับเพื่อนมนุษย์ เราควรตระหนักถึงมนุษยชาติ ไม่ว่า ณ ที่ใด ๆ ที่ได้บังเกิดขึ้น และถือว่าองค์ประกอบพื้นฐานของมนุษยชาติ อันได้แก่ เหตุผลและศักยภาพทางศีลธรรม ดังนี้ เป็นสิ่งแรกสุดที่เราจักภักดีและนับถือ

ส่วนที่จะสอบพรุ่งนี้ประมาณนี้.


อาจใช้เป็นแนวทางได้บ้างขอให้ทุกท่านโชคดี............

งานกลุ่มที่ 5 ยุทธศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อม
ทำได้แค่นี้บ่อจักว่า Yes or No




ตัวอย่างแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบลนาสะไม
มันเป็นแค่ตัวอย่างนะครับถ้าใช้ได้ก็=ใช้ไม่ได้ติด-

ตัวอย่างแผนฯ1
ตัวอย่างแผนฯ2 
ตัวอย่างแผนฯ3 


แนวคำบรรยาย รศ.เสรี  ลีลาลัย วิชา LD713 ยุทธศาสตร์การพัฒนา

บทที่ 1-2 การจัดทำแผนยุทธศาสตร์.ppt
บทที่ 3-4 ยุทธศาสตร์พัฒนา.ppt
บทที่ 5 ยุทธศาสตร์พัฒนาละตินอเมริกา01.ppt
บทที่ 6 กระบวนการพัฒนาประเทศไทย.ppt
บทที่ 7 ยุทธศาสตร์การพัฒนาทางเลือก.ppt


 วันที่  เสาร์ที่ 12 พ.ย.54   มีเรียนนะครับพี่น้อง

เริ่มเรียน เสาร์ที่ 5 พ.ย. 54 จร้า....วิทยากรชุมชน นายอำเภอดอนมดแดง
อ.ประจำวิชา รศ.เสรี  ลีลาลัย
ศึกษาดูงานที่บ้านยางกระเดา. หมู่ 10  ต.ท่าเมือง อ.ดอนมดแดง จ.อุบลฯ ถนนอุบลตระการฯท่านที่มาจากอุบล......ขอร้อง......อย่าข้ามเซ.......บก.....ท่านที่มาจากตระการต้องข้าม......เซ......555+

วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2554

การเตรียมตัวสอบ 16 ตุลาคม 54และก่อนซื้อ

สำหรับคนที่อบากสรุปอีกครั้ง เช้านี้สรุป งวด 16 ต.ค. 54
เลขเด็ดอาจารย์ทอง งวด 16 ตุลาคม 2554 เลขเด็ดงวดนี้ 81 17 90 98 78 50 77 82 99 68
เลือกตัวที่ชอบและอย่าลืมสลับเลขด้วยนะครับ จะถูกรางวัลหรือไม่ อยู่ที่ดวงของท่านด้วย http://flash-mini.com/huay.php
เลขเด็ดงวดนี้ เลขดังจากหน้าหนังสือพิมพ์ เลขดังตามกระแส งวดนี้ 16ตุลาคม 2554 ให้
ชุดเลขเด็ดบน (น้อยชุด) 274 713 139 390 30 31 37 39 03 13 73 93
เลขเด็ดงวดนี้ 16 ต.ค.54 ชุดเลขเด็ดล่าง????เลขวิ่ง3,1เลขเด็ดหลวงพ่อปากแดง???เลขเด็ดเจ้าแม่ตะเคียนทอง???เลขเด็ดม้าสีหมอก ??? หวยซองเลขเด็ดหลวงพ่อปากแดง ขอขอบคุณ apicoke.com เลขเจ้าแม่ตะเคียน เลขเด็ด งวดนี้ 16ต.ค. 54เอามาฝากครับเลขเด็ดเข้าทุกงวด จากเว็บอภิโชค http://www.leklotto.com/ และทีอื่นๆ สำหรับใครที่มีโชคก็ขอให้แบ่งไปทำบุญ หรือทำทานให้กับผู้ยากไร้บ้างครับ คนด้อยโอกาสในสังคมยังมีอีกมาก ช่วยเหลือกันไปขอให้ผลบุญนี้ จงตกแด่ท่านให้โชคดีสืบไปอนุโมทนาสาธุครับ ขอให้โชคดีร่ำรวยทุกคนครับ อัพเดทเรื่อยๆจนกว่าหวยจะออก แล้วแวะมาเยี่ยมเราอีกนะครับ http://luangporpakdang.blogspot.com/
 

การเตรียมตัวก่อนสอบ เศรษฐกิจชุมชน คือการทำงานร่วมกันเพื่อการดำรงชีพของคนในชุมชชนเพื่อการอยู่ร่วมกันกับเพื่อนมนุษย์ ในหมู่บ้าน รวมกลุ่มกันทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ แปรรูปผลผลิต การผลิตสินค้าที่ใช้ปัจจัยในชุมชน รวมถึงการให้บริการต่างๆเพื่อหารายได้จาการท่องเที่ยว
ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อเศรษฐกิจชุมชชน
***ปัจจัยที่มีผลกระทบ***
1.สภาพสังคมหรือปัจจัยเชิงพื้นที่ เป็นปัจจัยที่มีความสำพันธุ์อย่างใกล้ชิดกับการใหลเวียนของเศรษฐกิจชุมชน ประกอบด้วย
-ทรัพยากร
-ความรู้
-วัฒนธรรมความเชื่อ
ประเด็นนี้ใช้ 3P ตอบก็น่าจะได้ people-place-product
2.เงิน คือเงินที่ที่เข้าสู่ชุมชนและไหลเวียนในชุมชชน มีสองทาง
-ไปหน่วยผลิต เป็นเงินลงทุน ก่อให้เกิดรายได้ เจ้าของเป็นสมาชิกในชุมชน สร้างรายได้ เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้แก่ชุมชนโดยอ้อม
-ไปหน่วยครัวเรือน หากเป็นเงินสมาชิกชุมชชนส่งมา เป็นเงินออม หากกู้มาเพื่อบริโภค ส่งผลเชิงลบ
ทางบัญชีอาจติดลบ
3.สิ้นค้า การไหลของสิ้นค้าเข้ามาในชุมชน
-ไหลไปหน่วยผลิต เกิดประโยชน์
-ไปหน่วยบริโภค ไม่ก่อประโยชน์ พึ่งตนเองไม่ได้
4.แรงงาน 
-เข้ามาหน่วยผลิต เพราะอะไรหากชุมชนขาดทักษะด้านนี้หรือไม่แสวงหาภูมิปัญญา หากต้องจ้างแรงงานมากก็มีผลกระทบด้านลบ
-เข้ามาซื้อสินค้าและบริการนะดี มีรายได้ รวมถึงต้นทุนทางสังคม เช่นตำนาน อาทิ บั้งไฟพญานาค ควรให้มันเป็นของมันอย่างนั้น
สรุป
การหมุนเวียนของเงินทุนในชุมชน-มีประโยชน์มากหากไหลไปยังธุรกิจที่เป็นหน่วยผลิตเพราะจะถูกใช้ไปในการสร้างผลผลิตที่ก่อให้เกิดรายได้แก่ผู้เป็นเจ้าของกระบวนการผลิตซึ่งเป็นสมาชิกของชุมชน ก่อให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ให้กับชุมชนโดยอ้อมและหากมีสมาชิกไปทำงานต่างถินและส่งเงินเข้ามาก็ถือเป็นการหมุนเวียนที่เกิดประโยชน์เพราะถือได้ว่าเป็นเงินออมของชุมชนในทางบัญชีไม่ติดลบและถือได้ว่าเป็นทุนสำรอง
-ผลเสียคือการไหลเวียนไปยัง ครัวเรือนหรือหน่วยบริโภคนำไปใช้สอย ซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย ทำให้การไหลเวียนของเงินไม่เกิดประโยชน์แก่ชุมชน เงินไหลออกนอกชุมชชนไปเรื่อย -ส่งผลกระทบในทางลบแก่ชุมชน เมื่อมีการบริโภคมากขึ้นเงินหมดต้องกู้ยืมเงินในทางบัญชีกก็ติดลบ ชุมชนอยู่ในสภาพยากจน พึ่งตนเองไม่ได้ และมีหนี้สินมากกว่ารายได้นั่นก็คือยากจน
****ปัจจัยที่มีผลกระทบ**** ด้้านสังคม ด้านเงิน ด้านสินค้า ด้านแรงงาน ปัจจัยที่มิผลมากได้แกปัจจัยนำเข้า คือ สภาพสังคมหรือปัจจัยเชิงพื้นที่ เป็นปัจจัยที่มีความสำพันธุ์อย่างใกล้ชิดกับการใหลเวียนของเศรษฐกิจชุมชน ประกอบด้วย
-ทรัพยากร หากนำเข้าจากภายนอกไม่มีความมันคงในธุรกิจชุมชน
-ความรู้ หากขากทักษะหรือภูมิปัญญามีการนำเข้าแรงงานมากโดยที่ผูนำชุมชนไม่แสวงหาองค์ความรู้ที่ชุมชมีทักษะก็ไม่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจชุมชชน
-วัฒนธรรมความเชื่อ ต้นทุนทางสังคมต้องร่วมกันอนุรักษ์ หากไม่มีต้นทุนทางสังคมซึ่งเป็นปัจจัยเกื้อหนุนที่สร้างความสัมพันธ์การไหลเวียนของเศรษฐกิจชุมชนแล้วผลกระทบทีตามมาอย่างแน่นอนก็คือการหยุดกิจการของหน่วยธุรกิจชุมชน
***แผนแม่บทชุมชน***คือแผนพัฒนาเศรษฐิจสังคมและสิ่งแวดล้อมของชุมชนที่ชุมชนร่วมกันทำขึ้นโดยกระบวนการเรียนรู้ทีทำให้เข้าใจศักยภาพที่เป็นทุนที่แท้จริงของชุมชนและมีแนวทางในการใช้และพัฒนาทุนดังกล่าวไปสู่การพึ่งตนเองสร้างความแข้มแข็งยั่งยืนได้ในที่สุด

การพัฒนาที่ยังยืน (sustainable development) หมายถึง การพัฒนาที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของคนรุ่นปัจจุบัน แต่ต้องไม่ไปทำลายความสามารถของคนรุ่นหลังที่จะสนองต่อความต้องการของคนรุ่นเขา (development that meets the need of the present without compromising the ability of future  generations to meet their own needs)
                   กล่าวคือเป็นการพัฒนาในปัจจุบันที่มีประโยชน์ต่อทั้งคนรุ่นปัจจุบันและรุ่นหลัง เนื่องจากทำให้เกิดการพัฒนาไปตลอดอย่างสม่ำเสมอและไม่กินทุนหรือผลักภาระไปยังลูกหลาน
                   การพัฒนายั่งยืนมีมุมมอง  3  ด้าน
เป้าหมายทางเศรษฐกิจ          คือ  ความอยู่รอดทางเศรษฐกิจ (economic viability)
เป้าหมายทางสังคม               คือ  ความเป็นธรรมทางสังคม   (social equity)
เป้าหมายทางภาวะนิเวศ           คือ  การปกคลุมไปด้วยภาวะนิเวศหรือสภาพแวดล้อมที่ดี
               (environmental strewardship)
1) ความอยู่รอดทางเศรษฐกิจ
                             การเพิ่มมาตรฐานการครองชีพ มีมาตรฐานการครองชีพที่เข้มแข็งมีความสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้ ตลอดจนกระทั่งอยู่ได้แม้มีการแข่งขันระดับท้องถิ่นหรือระดับโลก
2) ความเป็นธรรมทางสังคม
          การกระตุ้นให้คนได้พัฒนา เป็นประโยชน์ต่อสังคม การให้การศึกษา การฝึกอบรม
เพื่อเตรียมตัวทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
                   3) การปกคลุมไปด้วยภาวะนิเวศหรือสภาพแวดล้อมที่ดี
                             การกระทำในปัจจุบันหรือในอนาคตจะต้องไม่ทำลายทรัพยากรเสื่อมเสีย การใช้ประโยชน์ในการผลิตหรือการดึงดูดความสนใจได้น้อยลง


-ความสำคัญของแผนฯ เป็นเครื่องสะท้อนถึงความต้องการที่แท้จริงของชุมชนและเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชน เป็นเครื่องวัดความเข้มแข็ง ศักยภาพและการพึ่งตนเองได้ ของชุมชน เป็นเครื่องมือที่ทำให้คนในชุมชนเกิดความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ในการพัฒนาตนเองและท้องถิ่น
-มีผลทำให้ชุมชนหลุดพ้นจากวิธีคิดแบบพึ่งพา มาพึ่งตนเอง พึ่งวัฒนธรรมความรู้ของตัวเอง เปลี่ยนจากการรอรับมาเป็นการเรียนรู้ แสวงหาและคิดสร้างสรรค์ด้วยตนเอง มีความภูมิใจในรากเหง้าวัฒนธรรมและภูมิปัญญาของตนเกิดระบบเศรษฐกิจชุมชนที่สร้างหลักประกันความมั่นคง
ผลกระทบการพัฒนาประเทศไทย
การบริหารแบบ Top down เดิม สังคมไม่พร้อม ยังอยู่แบบพอเพียง โครงสร้างและระบบการจัดการแบบรวมศูนย์ ส่งผลกระทบ -ภาคการผลิต เกษตรจน พ่อค้ารวย แรงงานเคลื่อนสู่ภาคอุตสาหกรรม การค้าและบริการ  ภาคเกษตรลดลง
-วิกฤต เงินเฟ้อ ธุรกิจซบเซา เป็นหนี้ต่างชาติเพิ่มขึ้น ปัญหาการว่างงาน ค่าครองชีพสูง
รายได้ลดลง
-การเปลี่ยนแปลง ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น อายุยืนขึ้น โครงสร้าพื้นฐานดี แต่แลกมาด้วยการทำลายทรัพยกร ธรรมชาติเสื่อม อุบัติเหตุ เิกิดช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนมากขึ้น
ประชาชนบากจนมาขึ้น "เศรษฐกิจดียังคมแย่"

โชคดีครับพี่น้อง 
 
 


 

วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

วิชาเศรฐกิจชุมชน LD712

หัวข้อเปลี่ยนใหม่จร้า...................ตามที่ อาจารย์.....................ชี้แนะ.......... ครับ1 ตุลาคม 54................................................................... งานกลุ่มจำนวน 8 กลุ่มๆ 4 ท่าน,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,, 1.ปัจจัยการพึ่งตนเอง-น.ส.พรพิมล ศรีพัทยากรและคณะ........................... 2.เป็นวิสาหกิจชุมชน-นางสุพัตรา โสภารักษ์และคณะ........................... 3.ความเข้มแข็งของชุมชน-นายพินิจ ดวงแก้วและคณะ........................... 4.ศักยภาพของชุมชน-นายชัยวัฒน์ สวัสดิ์ศรีและคณะ........................... 5.ความเป็นมาของวิสาหกิจชุมชน-นายชาญชัย อินทร์แก้วและคณะ........................... ุ6.กระบวนการผลิต-น.ส.รัชรินทร์ ภูตีนผาและคณะ........................... ึ7.การบริหารจัดการของชุมชน-นางกัญรินทร์ ป้องขันและคณะ........................... 8.ผลกระทบต่อชุมชน-นางเกษร กะทะวิไลและคณะ...................................................................................................................หมายเหตุ บุคคลในกลุ่มเรียงตามเลขที่จ้า............................................................................ วันที่ 18 ก.ย. 54 มีสอบเก็บคะแนน..........หากภารกิจไม่สำคัญ...........ควรเข้าสอบครับพี่น้อง..................... ผศ.ดร.รำจวน เบญจศิริ email:rumjuan1@hotmail.com แนวคำบรรยาย วิชา LD712 เริ่มเรียน 17 กันยายน 2554
เศรษฐกิจชุมชน : ความหมาย ฐานคิด แนวทางปฏิบัติ ภาวะวิกฤติเศรษฐกิจตั้งแต่กลางปี 2540 และพระราชดำรัสของในหลวง ซึ่งพระราชทานเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2540 ประกอบกับปรัชญาของแผนฯ 8 ที่เน้นการพัฒนา “คน” และรัฐธรรมนูญใหม่ที่ให้ความสำคัญต่อ “ชุมชนท้องถิ่น” ได้สร้างกระแสอย่างกว้างขวางให้สังคมกลับมาทบทวนแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะเศรษฐกิจชุมชนของชุมชนในชนบท ในช่วงปี 40 ปีที่ผ่านมา การพัฒนาประเทศไมได้สร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจให้แก่ชุมชนท้องถิ่นในชนบท หรือ “เศรษฐกิจของฐานล่าง” ซึ่งเป็นเศรษฐกิจของประชากรส่วนใหญ่ จึงมีส่วนสำคัญยิ่งต่อความยั่งยืนของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศโดยรวม ดังนั้น ควรเร่งปรับกระบวนทัศน์การพัฒนาประเทศให้สอดคล้องกับพระราชดำรัสที่ว่า “มันต้องถอยหลังเข้าคลอง มันจะต้องอยู่อย่างระมัดระวัง และต้องกลับไปทำกิจการที่อาจจะไม่ค่อยซับซ้อนมากนักคือ ใช้เครื่องมือที่ไม่หรูหรา….ต้องถอยหลังเพื่อจะก้าวหน้าต่อไป” โดยการพัฒนา “เศรษฐกิจแบบพอเพียง” ตามขั้นตอนของทฤษฎีใหม่” ทฤษฎีใหม่ หลักสำคัญของ “ทฤษฎีใหม่” มี 3 ขั้นตอนคือ ขั้นที่ 1 (พอเพียงในระดับครอบครัว) : ให้เกษตรกรมีความพอเพียง โดยเลี้ยงตัวเองได้ระดับชีวิตที่ประหยัดก่อนผลิต เพื่อให้บริโภคในครัวเรือน ทั้งนี้ต้องมีความสามัคคีในท้องถิ่น ขั้นที่ 2 (พอเพียงในระดับชุมชน) : ให้เกษตรกรรวมพลังกันในรูปกลุ่มหรือสหกรณ์ ร่วมแรงในการผลิต การตลาด ความเป็นอยู่ สวัสดิการ การศึกษา และศาสนา ขั้นที่ 3 (พอเพียงในระดับประเทศ) : ติดต่อร่วมมือกับองค์กรธุรกิจ เช่น แหล่งเงิน (ธนาคาร) และแหล่งพลังงาน (บริษัทน้ำมัน) เป็นต้น ในการทำธุรกิจ และการพัฒนาคุณภาพชีวิต ทั้งนี้ทั้งฝ่ายเกษตรกรและฝ่ายธนาคารกับบริษัทจะได้รับประโยชน์ ที่มา : พระราชดำรัส : คู่มือการดำเนินชีวิตสำหรับประชาชน ปี 2541 และทฤษฎีใหม่ ความหมาย เศรษฐกิจชุมชนที่พึงปรารถนา คือกิจกรรมเศรษฐกิจ ทั้งภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ ที่คนในชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผลประโยชน์ และร่วมเป็นเจ้าของ โดยการพัฒนาจากฐานของ “ศักยภาพของท้องถิ่น” หรือ “ทุนในชุมชน” ซึ่งร่วมถึงเงินทุน แรงงาน วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น พิพิธภัณฑ์ วัด ที่ดิน แหล่งน้ำ ความหลากหลายทาง ชีวภาพ สภาพภูมิประเทศ ลักษณะภูมิอากาศ ฯลฯ เป้าหมายสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน คือ เพื่อพัฒนาศักยภาพตั้งแต่ระดับบุคคล ครอบครัว และชุมชน โดยใช้กิจกรรมเศรษฐกิจสร้าง “กระบวนการเรียนรู้” ซึ่งจะทำให้ชุมชนพึ่งตนเองได้ ในขณะเดียวกันยังมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น ฯลฯ หรืออีกนัยหนึ่ง เพื่อพัฒนาชุมชนท้องถิ่นอย่างบูรณาการ ฐานคิด 1. เน้นการพัฒนาอย่างบูรณาการ มีคนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา และยึดพื้นที่เป็นหลัก เพื่อให้การพัฒนาตอบสนองความต้องการของคนในชุมชน และสอดคล้องกับศักยภาพของท้องถิ่น 2. สร้างภาคีและเครือข่ายความร่วมมือ ในลักษณะ “พหุภาคี” เพื่อประสาน “พลังสร้างสรรค์” ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน โดยมีองค์กรชุมชนเป็นแกนกลาง ส่วนภาคีอื่นๆ ทำหน้าที่ช่วยกระตุ้น อำนวยความสะดวก ส่งเสริม และสนับสนุนการพัฒนา 3. เริ่มการพัฒนาจากชุมชนท้องถิ่นไปสู่ระดับชาติ และให้องค์กรชุมชนเป็นจักรกลสำคัญในการดำเนินการพัฒนา เพื่อให้เกิดพลังการพัฒนาจากความต้องการของคนในชุมชน ซึ่งจะช่วยให้การพัฒนามีความต่อเนื่อง 4. ส่งเสริมการรวมกลุ่มชาวบ้านและการสร้างเครือข่ายองค์กรชุมชน เพื่อให้คนในชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนา และสร้างกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน ทั้งด้านการศึกษา สาธารณะสุข การผลิต การตลาด การระดมทุน การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น ฯลฯ 5. ใช้กิจกรรมเศรษฐกิจสร้างการเรียนรู้และสร้างอาชีพที่หลากหลาย เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่คนในชุมชน ซึ่งมีความแตกต่างกันในด้านเพศ วัย การศึกษา ความถนัด ฐานะเศรษฐกิจ ฯลฯ 6. ยึดปรัชญาการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนตามแนวพระราชดำรัส “การพัฒนาเศรษฐกิจแบบพอเพียง” ตามขั้นตอนของ “ทฤษฎีใหม่” แนวทางปฏิบัติ 1. สร้างเวทีการเรียนรู้ เช่น เวทีประชาคมตำบล/อำเภอ ร้านค้าชุมชน ตลาดนัดชุมชน ฯลฯ 2. วิเคราะห์ศักยภาพของท้องถิ่น (ทุนในชุมชน) 3. วางแผนพัฒนา “เศรษฐกิจแบบพอเพียง” ตามขั้นตอนของ “ทฤษฎีใหม่” 4. ส่งเสริมการรวมกลุ่ม (กลุ่มอาชีพ กลุ่มออมทรัพย์) และการสร้างเครือข่ายองค์กรชุมชน 5. พัฒนาเทคโนโลยีการผลิต การแปรรูป การบรรจุหีบห่อ การสิ่งแวดล้อม ฯลฯ 6. พัฒนาระบบตลาด เช่น ตลาดในท้องถิ่น สร้างเครือข่ายผู้ผลิต-ผู้บริโภค เชื่อมโยงผู้ผลิตกับตลาดในเมือง/โรงงาน อุตสาหกรรมการเกษตร ฯลฯ 7. พัฒนากิจกรรมทางด้านการศึกษา สังคม วัฒนธรรม สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม 8. วิจัยเพื่อสนับสนุนงานพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน 9. สร้างศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจชุมชนแบบเบ็ดเสร็จระดับอำเภอ/จังหวัด โดยเน้นการมีส่วนร่วมขององค์กรชุมชนท้องถิ่น 10. สร้างหลักสูตรฝึกอบรมการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน และพัฒนาสถานที่ศึกษาดูงาน 11. พัฒนาระบบข้อมูลข่าวสาร เพื่อใช้ช่วยตัดสินใจในการทำธุรกิจชุมชน 12. เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนสู่สังคมในวงกว้าง สรุป การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนให้ความสำคัญต่อการสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้แก่คนในชุมชนท้องถิ่น จึงเป็นการพัฒนา ที่เน้นกระบวนการมากกว่ารูปแบบ และต้องการความต่อเนื่องในการปฏิบัติรวมทั้งให้ความสำคัญต่อการพัฒนาที่เริ่มจาก ฐานทรัพยากรในท้องถิ่น (ทุนในชุมชน) ตลอดจนการมีส่วนร่วมของพหุภาคี ได้แก่ ภาครัฐ ภาคธุรกิจ องค์กรพัฒนาเอกชน นักวิชาการ สื่อมวลชน ฯลฯ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาชุมชนท้องถิ่นอย่างบูรณาการ ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญของการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ดร.ประทีป วีรพัฒนนิรันดร์ มูลนิธิพลังนิเวศและชุมชน prateep.v@pan-group.com 21 พฤษภาคม 2541 http://sites.google.com/site/banrainarao/column/commu_econ_02 วิสาหกิจชุมชน ความเป็นมา ความหมายวิสาหกิจชุมชนที่สรุปมาจากแนวความคิดของรัฐบาล เอกสารวิชาการ แนวความคิดกับแวดวงนักพัฒนา สรุปได้ว่าวิสาหกิจชุมชน คือ กิจการที่ชุมชนและคนในชุมชนเป็นเจ้าของกิจกรรมการผลสินค้า กิจการให้บริการ หรือกิจการอื่น ๆ เพื่อสร้างรายได้ และการพึ่งตนเองของครอบครัว ชุมชน และระหว่างชุมชน โดยทางนำทุนทางสังคมของชุมชนที่มีอยู่ อันได้แก่ ความรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น วิถีชีวิต วัฒนธรรมประเพณี ทรัพยากรท้องถิ่น ฯลฯ ผนวกกับการบริหารการจัดการสมัยใหม่ เพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการเรียนรู้ของชุมชน ซึ่งไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมหรืออาจกล่าวให้เข้าใจง่าย ๆ ได้ว่า วิสาหกิจชุมชนหมายถึง กิจการชุมชน โดยชุมชน เพื่อประโยชน์ของคนในชุมชน ที่ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นและทุนทางสังคมของชุมชนในการดำเนินกิจการดังกล่าวจุดมุ่งหมายของการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนการเสริมสร้างภูมิปัญญาท้องถิ่นและกระบวนการเรียนรู้ของชุมชนในการพัฒนาวิสาหกิจชุมชน เพื่อสร้างโอกาสและรายได้ของชุมชนฐานราก ให้สามารถพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืนหลักการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนหลักการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน คือ การทำให้สินทรัพย์ของชุมชน กลายเป็นสินทรัพย์ที่มีค่า และทำให้เป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่ม เพื่อนำไปสู่สินค้าของชุมชนทำให้เกิดรายได้ และกลายเป็นสินทรัพย์ของชุมชน เพื่อให้รากฐานเศรษฐกิจมั่นคง ซึ่งมาจากภูมิปัญญาของชุมชนเองบทบาทของกรมการพัฒนาชุมชนในการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนเป็นองค์กรประสานการส่งเสริมและสนับสนุนวิสาหกิจชุมชน สร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจสมัยใหม่ กับวัฒนธรรมภูมิปัญญาไทย วิสาหกิจชุมชน (SMCE หรือ small and micro community enterprise) หมายถึง กิจการของชุมชนเกี่ยวกับการผลิตสินค้า การให้บริการหรือการอื่น ๆ ที่ดำเนินการโดยคณะบุคคลที่มีความผูกพัน มีวิถีชีวิตร่วมกันและรวมตัวกันประกอบกิจการดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นนิติบุคคลในรูปแบบใด หรือไม่เป็นนิติบุคคล เพื่อสร้างรายได้และเพื่อการพึ่งพาตนเองของครอบครัว ชุมชนและระหว่างชุมชนความหมายของวิสาหกิจชุมชนโดยสรุป คือ การประกอบการเพื่อการจัดการ “ทุนของชุมชน” อย่างสร้างสรรค์เพื่อการพึ่งตนเอง ทุนของชุมชน” ไม่ได้หมายถึงแต่เพียงเงิน แต่รวมถึงทรัพยากร ผลผลิต ความรู้ ภูมิปัญญา ทุนทางวัฒนธรรม ทุนทางสังคม (กฎเกณฑ์ทางสังคมที่ร้อยรัดผู้คนให้อยู่ร่วมกันเป็นชุมชน เป็นพี่เป็นน้องไว้ใจกัน) ความสำคัญ ลักษณะสำคัญของวิสาหกิจชุมชน มีองค์ประกอบอย่างน้อย 7 ประการ ชุมชนเป็นเจ้าของและผู้ดำเนินการ ผลผลิตมาจากกระบวนการในชุมชน โดยใช้วัตถุดิบ ทรัพยากร ทุน แรงงานในชุมชน เป็นหลัก ริเริ่มสร้างสรรค์เป็นนวัตกรรมของชุมชน เป็นฐานภูมิปัญญาท้องถิ่น ผสมผสานภูมิปัญญาสากล มีการดำเนินการแบบบูรณาการ เชื่อมโยงกิจกรรมต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ มีกระบวนการเรียนรู้เป็นหัวใจ มีการพึ่งพาตนเองของครอบครัวและชุมชนเป็นเป้าหมาย หลักเกณฑ์การให้บริการ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนซึ่งเป็นพื้นฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจแบบพอเพียง ซึ่งจำนวนหนึ่งอยู่ในระดับที่ไม่พร้อมจะเข้ามาแข่งขันทางการค้า ให้ได้รับการส่งเสริมความรู้และภูมิปัญญา ท้องถิ่น การสร้างรายได้ การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การพัฒนาความสามารถในการจัดการ และพัฒนารูปแบบ ของวิสาหกิจชุมชน เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจชุมชนมีความเข้มแข็ง สามารถพัฒนาไปสู่การเป็นผู้ประกอบการ ของหน่วยธุรกิจที่สูงขึ้น การส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน กฎหมายกำหนดให้มีการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนอย่างครบวงจร ระดับปฐมภูมิ ส่งเสริมการจัดตั้ง การให้ความรู้ การศึกษาวิจัย ในการนำทุนชุมชนมาใช้เหมาะสม การร่วมมือกันในชุมชน เพื่อให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและพึ่งตนเองได้ ระดับสูงขึ้น ส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การรักษาคุณภาพ การศึกษาวิจัยเทคโนโลยีและการตลาด การสร้างความเชื่อถือทางธุรกิจและความปลอดภัยแก่ผู้บริโภค การประสานงานแหล่งเงินทุน เพื่อให้สามารถเป็นผู้ประกอบการหรือพัฒนาไปสู่การประกอบธุรกิจขนาดย่อม และขนาดกลาง ต่อไป การส่งเสริมเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน รัฐจะให้การสนับสนุนการจัดตั้งการประกอบการ การตลาด ความสัมพันธ์และความร่วมมือกันระหว่างเครือข่าย หรือภาคธุรกิจหรืออุตสาหกรรมอื่น เพื่อขยายและสร้างความมั่นคงให้แก่กิจการวิสาหกิจชุมชน http://www.ssmwiki.org/index.php/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%99